วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เด็กที่มีปัญหาด้านการได้ยิน



เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน

เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยินไม่สามารถรับฟังเสียงได้เหมือนเด็กปกติ
ซึ่งอาจเป็นเด็กหูตึงหรือเด็กหูหนวกก็ได้ เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินมี 2
ประเภท คือ

1.เด็กหูตึง หมายถึง เด็กที่มีการได้ยินเหลืออยู่บ้าง
สามารถได้ยินได้ไม่ว่าจะใส่เครื่องช่วยฟัง
หรือไม่ก็ตามเด็กหูตึงจะมีระดับการได้ยินในหูที่ดีกว่าอยู่ระหว่าง 26-89เดซิเบล
ซึ่งคนปกติจะมีระดับการได้ยินอยู่ระหว่าง0-25 เดซิเบล

2. เด็กหูหนวก หมายถึง
เด็กที่สูญเสียการได้ยินในหูข้างที่ดีตั้งแต่ 90
เดซิเบลขึ้นไปไม่สามารถได้ยินเสียงพูดดัง
อาจรับรู้เสียงบางเสียงได้จากการสั่นสะเทือน


การให้ความช่วยเหลือ

เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
มีปัญหาทางการได้ยิน จึงไม่สามารถได้รับประโยชน์จากการฟัง-การพูดได้อย่างเต็มที่
ต้องใช้การสื่อสารวิธีอื่นแทนการใช้ภาษาพูด
วิธีการสื่อความหมายของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินอาจแบ่งเป็น 6 วิธี คือ

1. การพูด เหมาะสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินไม่มากนัก

2. ภาษา
เหมาะสำหรับเด็กที่สูญเสียการได้ยินมากหรือหูหนวกซึ่งไม่สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้ด้วยการพูดจึงใช้ภาษามือแทน

3. การใช้ท่าทาง หมายถึง
การใช้ท่าทางที่คิดขึ้นเองมักเป็นไปตามธรรมชาติโดยไม่ใช้ภาษามือและไม่ใช้น้ำเสียงแต่ใช้สายตาในการรับภาษา

4. การสะกดนิ้วมือ
คือการที่บุคคลใช้นิ้วมือเป็นรูปต่างๆแทนตัวพยัญชนะ สระ วรรณยุต์
ตลอดจนสัญลักษณ์อื่นของภาษาประจำชาติเพื่อสื่อภาษา

5. การอ่านริมฝีปาก เป็นวิธีการที่เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินรับภาษาพูดจากผู้อื่น
ดังนั้น การอ่านริมฝีปากจึงเป็นสิ่งแรกที่เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
จะต้องเรียนรู้วิธีการอ่านตั้งแต่คำแรกที่เรียนภาษาและเป็นสิ่งแรกที่เด็กต้องใช้ตลอดชีวิต

6. การสื่อสารรวม
คือการสื่อสารตั้งแต่สองวิธีขึ้นไป
เพื่อให้ผู้ฟังเดาความหมายในการแสดงออกของผู้พูดได้ดียิ่งขึ้นนอกจากการพูด
การใช้ภาษามือ การแสดงท่าทางประกอบแล้วก็อาจใช้วิธีอ่านริมฝีปาก การอ่าน
การเขียนหรือวิธีอื่นก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น